ไบโพล่าร์หรือคนสองบุคลิก
ไบโพล่าร์หรือคนสองบุคลิก

ปัจจุบันหากได้มีโอกาสติดตามข่าวในโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์
คงได้มีโอกาสได้ยินเกี่ยวกับโรคไบโพล่าร์ สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ
เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่า สังคมมักจะมีความคิดประมาณว่า
ถ้าใครมีลักษณะผิดปกติอะไรสักอย่าง ต้องถามขึ้นมาเลยว่า
"นี่เป็นไบโพล่าร์รึเปล่าเนี่ย!?!" ซึ่งคงไม่ยุติธรรมกับคนไข้ที่เป็นไบโพล่าร์เท่าไหร่นัก
แล้วในความเป็นจริง ไบโพล่าร์คือโรคอะไรกันแน่
* ที่แน่ๆ
มันไม่ใช่อารมณ์ร้ายเพียงเพราะไม่ได้ดั่งใจ ไม่ใช่คนนิสัยเอาแต่ใจหรือเห็นแก่ตัว *
โรคอารมณ์สองขั้ว หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Bipolar
Disorder นั้น จากงานวิจัยพบว่า
คนเรามีโอกาสป่วยเป็นโรคอารมณ์สองขั้วได้ประมาณ 1% การที่มีความเข้าใจเรื่องโรคนี้ก็น่าจะมีประโยชน์ในการป้องกันและดูแลคนรอบข้างที่มีความเสี่ยงหรือสงสัยว่าจะเป็นโรคได้
โรคอารมณ์สองขั้ว ลักษณะทั่วไปก็เป็นตามชื่อ ก็คือ มีลักษณะของอารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงอย่างแตกต่าง
2 แบบ
1.ช่วงซึมเศร้า (Depressive episode) ที่เป็นนานอย่างน้อย2สัปดาห์ (รายละเอียดในบทความโรคซึมเศร้า)
2.มีลักษณะ คึกคักพลุ่งพล่าน ที่เรียกว่าเมเนีย (Mania หรือ Manic episode)
คนที่เป็นโรคไบโพล่าร์นี้อารมณ์จะเปลี่ยนแปลงเป็นช่วงๆ
1.ช่วงที่ว่านี้คือเป็นสัปดาห์
ไม่ใช่เป็นชั่วโมงหรือวันสองวัน
2.โดยเป็นอาจเป็นลักษณะซึมเศร้า
ตามด้วยช่วงเวลาที่เป็น "ปกติ" ดี เป็นคนเดิมของเขา
จากนั้นอาจเกิดอาการแบบเมเนียขึ้นมา
3.โดยโรคไบโพล่าร์
ต้องมีช่วงเมเนียแต่อาจจะมีช่วงซึมเศร้าหรือไม่ก็ได้
4.บางคนแสดงอาการซึมเศร้าก่อน
ต่อมาค่อยแสดงอาการเมเนีย การวินิจฉัยจึงเปลี่ยนจากโรคซึมเศร้า เป็นโรคไบโพลาร์
5.ซึ่งส่วนใหญ่จะแสดงอาการซึมเศร้าก่อนมากกว่า
อาการหลักๆคือ "เยอะ" ไม่ว่าความคิด
ความมั่นใจ การพูด ”ล้น” ไปหมด (โดยที่แต่ก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้)
แต่มักไม่เกิดผลดี เพราะมาจากสมองที่กำลังปั่นป่วน
เราอาจเคยเห็นเพื่อนๆหรือคนที่อยู่รอบข้าง
ที่อยู่ดีๆก็ขยันทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางคนดูเหมือนมีแผนการและความคิดสร้างสรรค์มากมาย
เวลาพูดคุยด้วยจะสังเกตว่าพูดมาก พูดเร็ว แต่ดูกระจัดกระจายไม่ปะติดปะต่อ
เปลี่ยนเรื่องเร็วจนตามไม่ทัน มีพลังงานเหลือเฟือในการทำงาน
วางแผนโครงการต่างๆมากมาย บางคนไปดาวน์รถ จองคอนโดหลายที่ ต้องมาตามใช้หนี้ตอนหลัง
รวมทั้งดูมีความมั่นใจในตัวเองมาก คิดว่าตัวเองมีความสามารถสูง เช่น
ถ้าลงเลือกตั้งต้องได้ตำแหน่งแน่ๆ
บางคนเป็นมากอาจมีความคิดหลงผิด (delusion)
ว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ มีพลังอำนาจวิเศษเหนือธรรมชาติ
หากค่อนข้างสนิทจะเห็นว่ามีลักษณะใช้จ่ายเกินตัวผิดปกติ ถ้าเป็นคนประหยัดจะใช้เปลืองมากขึ้น
ถ้าเป็นคนใช้เงินอยู่แล้วก็จะมากขึ้นอีก บางคนบริจาคเงินมากมาย
บางทีเอาเงินมาแจกเพื่อน ถ้าเป็นระดับหัวหน้างานก็อาจแจกเงินลูกน้อง
พาลูกน้องไปเลี้ยงใหญ่ทุกวัน นอนดึกมากขึ้น (ไม่ใช่นอนไม่หลับ)
แต่ไม่ง่วงไม่อยากนอน มีพลังเหมือนสังเคราะห์แสงได้ อารมณ์อาจเป็นลักษณะดีผิดปกติ
ดูไม่สมเหตุสมผล หรืออาจเป็นอารมณ์หงุดหงิดก็ได้ ความอดทนต่ำ หุนหันพลันแล่น
ทำให้มีเรื่องกับใครได้ง่ายๆ อาจถึงขั้นอาละวาดทำร้ายคนหรือสิ่งของ
อ้างอิง https://www.sanook.com/health/2501/
บทควานี้สร้างขึ้นเพื่อให้ศึกษาหาความรู้ และ เป็นงานที่สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในวิชาIS1 หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมาณที่นี้ด้วยค่ะ
ตอบลบ