“ซินเนสทีเซีย” ปรากฏการณ์สัมผัสพิเศษ
“ซินเนสทีเซีย” ปรากฏการณ์สัมผัสพิเศษ
ความแปลกประหลาดพิสดารในโลกนี้ยังมีอีกมากที่เราอาจไม่เคยรับรู้มาก่อน แม้แต่เรื่องของ “จิต” ของมนุษย์เราก็ยังมีความซับซ้อนและในบางคนก็มีความ“พิเศษ” ที่ต่างไปจากคนอื่น ทว่า…ความพิเศษของคนบางคนนั้นก็อาจแปลเป็นความผิดปกติหรือเป็น “อาการทางจิต” ได้…..เราจะพาไปรู้จักอาการทางจิตที่มาจากความผิดปกติต่างๆ จนเป็นเหตุให้เกิดอาการแปลกๆของ“ซินเนสทีเซีย” ปรากฏการณ์สัมผัสพิเศษ

ซินเนสทีเซีย เป็นความสามารถในการรับรู้ของสมองพร้อมกัน หลายช่องทาง โดยชื่อเรียก Synesthesia นั้น มาจากคำในภาษากรีก คือ Syn ที่แปลว่า ร่วมกัน และ Aisthesis ที่แปลว่า การรับรู้ ส่วนผู้ที่เป็นซินเนสทีเซียนั้น เราเรียกว่า ซินเนสทิต (Synesthete) คือพรสวรรค์หรือความผิดปกติ ปัจจุบัน ในทางการแพทย์ไม่ถือว่าซินเนสทีเซียเป็นอาการผิดปกติ หากแต่เป็นความพิเศษ พรสวรรค์หรือของขวัญจากธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ด้วยสถิติ 1 ต่อ 25,000 คน ลักษณะพิเศษของซินเนสทีเซีย คือ เกิดขึ้นอัตโนมัติ บอกตำแหน่งการเกิดได้ เป็นสัมผัสพื้นฐาน กระตุ้นความจำและความรู้สึก จากข้อมูลของนักวิจัยหลายๆ คน พบสิ่งที่ตรงกันว่า ปรากฏการณ์ซินเนสทิเซียมักเกิดในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และเชื่อว่าสามารถส่งต่อทางพันธุกรรมได้ผ่านโครโมโซม X นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวก็อาจได้รับถ่ายทอดความพิเศษนี้ผ่านทางแม่ได้ สถิติผู้หญิงกับซินเนสทีเซีย ในสหรัฐอเมริกา ว่ากันว่าหากคนที่เป็นซินเนสทีเซียเดินมาพร้อมกัน 4 คน 3 ใน 4 คนนั้นจะเป็นผู้หญิง ส่วนในอังกฤษตัวเลขจะอยู่ที่ 8 ต่อ 9ความลึกลับของสมองกับการรับรู้ที่มากกว่าปกติ
นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า ซินเนสทีเซียคือผลลัพธ์จากการเชื่อมต่อเซลล์สมองตั้งแต่เรายังเล็กๆ เพราะเมื่อครั้งเราเป็นทารก ธรรมชาติได้ให้เซลล์สมองหลายล้านเซลล์แก่เราเพื่อรอพัฒนาเป็นสมองที่สมบูรณ์ยามเติบใหญ่ ในคนปกติทั่วไป เซลล์สมองที่เชื่อมต่อกันยุ่งเหยิงนี้จะค่อยๆ เข้าที่เข้าทางและลดการเชื่อมต่อลงเมื่อเราโตขึ้น แต่ในชาวซินเนสทิต การเชื่อมต่อนี้จะยังคงอยู่ตลอดไป เป็นเหมือนทางด่วน ทางลัดในการรับส่งข้อมูล ทำให้คนเหล่านี้รับรู้หรือเห็นได้มากกว่าคนปกติ เช่น เวลาคนทั่วไปมองเห็นต้นไม้ สมองส่วนรับรู้การมองเห็นก็จะแปรสัญญาณเป็นภาพต้นไม้สีเขียว แต่ในคนที่เป็นซินเนสทีเซีย นอกจากสมองส่วนรับรู้การมองเห็นจะทำงานตามปกติแล้ว การเชื่อมต่อพิเศษที่อธิบายไม่ได้ยังอาจไปกระตุ้นให้สมองส่วนรับกลิ่นทำงานไปพร้อมกันด้วย ทำให้คนคนนั้นมองเห็นต้นไม้สีเขียวพร้อมๆ กับการได้กลิ่น
แต่บางทฤษฎีก็เชื่อในทางตรงข้ามว่า สมองของชาวซินเนสทิตเกิดมาอย่างคนธรรมดา แต่มีบางสิ่งที่เป็นความพิเศษเกิดขึ้นทีหลัง โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อวงจรสมองแต่อย่างใด
ไม่ว่าทฤษฎีไหนจะถูกหรือผิด แต่ความจริงที่เรารู้ก็คือ ผู้ที่เป็นซินเนสทีเซียจะมีความสามารถรับรู้สิ่งพิเศษนี้ไปตลอดชีวิต และส่วนใหญ่จะมีระดับไอคิวสูงกว่าหรือพอๆกับค่าเฉลี่ยคนทั่วไป
นอกจากนี้ชาวซินเนสทิตมักถนัดใช้มือซ้าย มีความจำเป็นเลิศ แต่มักหลงทิศทางและด้อยเรื่องการคำนวณ และเรายังสามารถพบชาวซินเนสทิตได้ในหมู่ศิลปิน นักเขียน กวี นักดนตรีและนักแต่งเพลง ซึ่งคาดว่าในคนกลุ่มนี้จะมีชาวซินเนสทิตมากกว่าในสายงานอื่นๆถึง 7 เท่า
ซินเนสทีเซีย ไม่ใช่ความเจ็บป่วย?
นั่นเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะคนที่มีอาการซินเนสทีเซียไม่ใช่คนป่วย ไม่ใช่ผู้ที่มีความผิดปกติทางสมอง ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรักษา แต่ในบางครั้งปรากฏการณ์นี้ก็อาจบอกได้ว่าคุณกำลังมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับสม
ในกรณีที่คุณไม่ได้มีภาวะซินเนสทีเซียมาตั้งแต่เด็ก แต่จู่ๆเพิ่งมามีตอนโตหรือเมื่ออายุมากแล้ว ก็อาจบ่งชี้ได้ว่ามีความไม่ปกติเกิดขึ้น โดยเฉพาะหากมีอาการเจ็บป่วยทางกายอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ความจำเสื่อม มือไม้สั่น ปวดศีรษะ เป็นต้น เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคอัลไซเมอร์ พาร์คินสัน ลมชักหรือเนื้องอกในสมองได้ ถ้ามีอาการเหล่านี้อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์นะคะ
นอกจากพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด หรือความผิดปกติทางสมองที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง ปรากฎการณ์ซินเนสทีเซียยังอาจเกิดจากการใช้ยาบางประเภทก็ได้ เช่น ยากดประสาทหรือยาเสพติดที่ทำให้เห็นภาพหลอน แต่เราไม่เรียกสิ่งเหล่านี้ว่าซินเนสทีเซียที่แท้จริง เพราะเกิดจากสภาวะไม่ปกติทางกายจึงไม่นับเป็นความสามารถพิเศษหรือพรสวรรค์แต่อย่างใด
รูปแบบของซินเนสทีเซีย เพราะซินเนสทีเซียเป็นสัมผัสที่ซับซ้อนมากกว่าปกติ จึงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกผัสสะทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เชื่อมโยงกันไปเป็นลักษณะพิเศษของแต่ละคน รูปแบบการเกิดซินเนสทีเซียไม่มีความแน่นอน และในคนคนเดียวยังอาจเกิดซินเนสทีเซียได้หลายรูปแบบด้วย
เพื่อให้การศึกษาซินเนสทีเซียเป็นเรื่องง่าย Dr. Ashok Jansari หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบันจิตเวชแห่ง University of East London ได้กำหนดโครงสร้างรูปแบบการเกิดซินเนสทีเซียไว้ 4 กลุ่ม ดังนี้
Grapheme - colour synaesthesia คือ กลุ่มที่เห็นตัวหนังสือหรือตัวเลขเป็นสี
Taste–touch synaesthesia คือ กลุ่มที่เกิดความรู้สึกต่างๆจากการลิ้มรสชาติ
Sound–colour synaesthesia คือ กลุ่มที่เสียงเพลง เสียงดนตรีหรือตัวโน้ตทำให้เห็นเป็นสี
Word–taste synaesthesia คือ กลุ่มที่สัมผัสรสชาติได้จากตัวอักษร ตัวหนังสือ
รูปแบบซินเนสทีเซียที่พบได้บ่อยที่สุดคือแบบที่ 1 เห็นอักษรเป็นสี
ข้อดีของซินเนสทีเซีย
จากสถิติของผู้เป็นซินเนสทีเซียส่วนใหญ่พบว่ามีความจำดีกว่าคนทั่วไป นั่นอาจเป็นเพราะประสบการณ์การรับรู้พร้อมกันมากกว่าหนึ่งช่องทางในเวลาเดียว เมื่อรู้ตัวว่าเป็นซินเนสทิต อาจเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดระบบความจำให้ตัวเอง หรือใช้ทักษะพิเศษที่มีอยู่สร้างสรรค์จุดเด่นขึ้นมา เพื่อความเป็นเลิศของทักษะด้านต่างๆ ได้
From: //healthandcuisine.com/health.aspx?cId=7&aId=1452
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น